สวัสดีครับทุกท่าน! ผม JPT ครับ วันนี้เราไม่ได้มาคุยกันเรื่องรถไถ แต่จะมาคุยเรื่องที่สำคัญและใกล้ตัวพี่น้องเกษตรกรทุกคนมากกว่า นั่นคือสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกำลังส่งผลกระทบโดยตรงต่อปากท้องของพวกเราในตอนนี้ครับ หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่เชื่อไหมครับว่าสถานการณ์นี้กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้ภาคเกษตรกรรมของเราอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในปี 2568 ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่บั่นทอนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
การค้าชายแดนที่สำคัญ: การค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชามีสัดส่วนสูงถึงเกือบครึ่งหนึ่ง (48%) ของมูลค่าการค้ารวมทั้งหมดระหว่างสองประเทศ
ความเสียหายทางเศรษฐกิจ: หากมีการปิดด่านการค้าทั้งหมด ประเทศไทยอาจสูญเสียรายได้จากการส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาสูงถึง 800 ล้านบาทต่อวัน
ต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้น: หากต้องเปลี่ยนเส้นทางขนส่งจากปกติ 500 กิโลเมตร เป็นเส้นทางอ้อมถึง 1,500 กิโลเมตร
ความเชื่อมั่นของนักลงทุน: สถานการณ์นี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสั่นคลอน
มันสำปะหลัง: ประเด็นร้อนที่พี่น้องเกษตรกรพูดถึงกันมากคือ
การนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาผลผลิตของไทยตกต่ำลง
ห้ามนำเข้ามันสำปะหลังเด็ดขาดจากกัมพูชา เพื่อจัดการกับปัญหาราคาตกต่ำภายในประเทศ
ข้าวโพด, อ้อย, และสินค้าอื่นๆ: ในทางกลับกัน หากกัมพูชาห้ามนำเข้าสินค้าจากไทย จะทำให้มีปริมาณสินค้าเกษตรส่วนเกินในตลาดไทย
นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการแข่งขันในตลาดโลกก็มีผลกระทบ
นอกจากเรื่องราคาแล้ว ยังมีปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรโดยตรง นั่นคือเรื่องของ
แรงงานข้ามชาติ
ปัญหาขาดแคลนแรงงาน: ประเทศไทยพึ่งพาแรงงานจากกัมพูชากว่า 512,184 คน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในภาคเกษตรกรรม
แรงงานเดินทางกลับ: เมื่อเกิดความไม่สงบ ทำให้แรงงานกัมพูชาจำนวนมากกลัวและเดินทางกลับประเทศ
ผลกระทบในระยะยาว: หากไทยปฏิเสธการรับแรงงานกัมพูชา จะเกิดปัญหาขาดแคลนกำลังคนอย่างรุนแรงในหลายภาคส่วน
ทุกวิกฤตย่อมมีทางออก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างพยายามหาทางรับมือและปรับตัว
มาตรการจากภาครัฐ: รัฐบาลไทยได้ดำเนิน 4 มาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ได้แก่ การควบคุมราคาและปริมาณสินค้า, การหาช่องทางการจำหน่ายใหม่ เช่น ทางเรือหรือผ่านประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ
การปรับตัวของภาคธุรกิจและเกษตรกร: เราเองก็ต้องปรับตัวด้วยการบริหารจัดการสต็อกสินค้าล่วงหน้า, การสร้างความยืดหยุ่นให้ห่วงโซ่อุปทานโดยมองหาเส้นทางขนส่งทางเลือก
พี่น้องเกษตรกรทุกท่านครับ วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชาครั้งนี้เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาล
ผม JPT เชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจ ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรทุกคน เราจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างแน่นอนครับ
และอย่าลืมนะครับ! เรื่องรถไถยังไงก็เจพีที! ถ้าเป็นรถไถมือสอง ต้องมีอะไหล่ทุกชิ้น มีช่างให้บริการ! เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้รถไถคู่ใจที่พร้อมลุยงาน สร้างรายได้ให้เราทุกคนครับ